Friday, September 14, 2012

[Review] Yuin PK1 ที่สุดของ Ear Bud



วันนี้ผมได้ไปซื้อหูฟังที่อยากได้มานาน นั่นคือ Yuin PK1 ซึ่งเป็นหูฟังประเภท Ear Bud หลาย ๆ คนอาจจะงง ว่า Ear Bud คืออะไร ก็คือแบบที่ไม่ได้ยัดเข้าไปในรูหูของเรา แบบใส่สบาย ๆ อ่ะคับ และที่บอกว่า เจ้าตัวนี้ คือที่สุดของ Ear Bud นั้น มันที่สุดในทุก ๆ ด้านจริง ๆ ครับ เรามาดูกันว่า มันที่สุดด้านใดบ้าง

ออกแบบห่วยที่สุด

มันเป็นอย่างแรกเลยที่ผมต้องพูดถึง นั่นคือการออกแบบ มันเป็นหูฟังที่ออกแบบได้ อุบาทว์ ที่สุดตั้งแต่ผมเคยพบเคยเห็นมา ตั้งแต่เกิดมาเลยก็ว่าได้ ผมจะรีวิวให้ดูทีละอย่าง ว่ามันออกแบบเป็นยังไงบ้าง

Package





Package ที่เห็นแว๊บแรก คือ กล่องสี่เหลี่ยมจตุรัส (- -") ที่ครอบด้วย กระดาษจะขาดแหล่ไม่ขาดแหล่ ใส่ในเป็นกล่องกระดาษอัด ถ้าเป็นคนปกติธรรมดามาเห็น คงไม่ซื้อมันแน่ เมื่อเทียบกับราคา

เมื่อเปิดกล่อง

เมื่อเปิดกล่องออกมา ก็แทบจะร้องออกมาว่า นี่... มัน...อะไรวะเนี่ย แย่กว่าที่คิดไว้อีก ข้างในจะเรียงรายไว้ด้วย ฟองน้ำหูฟัง แจ็คแปลงเป็นหัวใหญ่ กล่องคล้าย ๆ กล่องแป้งเปียก หรือ กล่องฟิล์ม สมัยก่อน คู่มือที่เหมือนเศษกระดาษ แถมเป็นภาษาจีนอีกต่างหาก นี่มัน.. ไว้อาลัยสามนาที


เมื่อถึงตอนนี้ ผมให้ตั้งราคาไว้ในใจเลยว่าเท่าไหร่ ทุกคนต้องคิดว่า ไม่เกิน 300 แน่นอน





เปิดกล่องแป้งเปียก

เอาว่ะเรายังไม่หมดหวัง หูฟังราคาขนาดนี้ มันต้องมีอะไรดีบ้าง เลยรีบเปิดกล่องแป้งเปียกสีดำทันที ปรากฏว่า...




........................
.............
.....

ไม่ผิดหวังครับ T^T ตัวหูฟังหน้าตาไม่ผิดกันกับ package ข้างนอกเลยครับ.... เหมือนหูฟังข้างถนน ตอนนี้ทุกคนคงตีราคาเหลือ 50 บาท



เมื่อรื้ออุปกรณ์ทั้งหมดของมันแล้ว ก็ยังประเมินค่ามันไม่ได้ (หาค่ามันไม่ได้นั่นเอง)

ใช้งานยากที่สุด

หูฟังตัวนี้ เป็นหูฟังที่ใช้งานยากที่สุด เพราะว่าไม่สามารถอยู่ได้ด้วยตัวคนเดียว เนื่องจาก ความต้านทานมันเยอะมาก จะทำให้กำลังของเครื่องเล่นทั่วไป ขับมันออกมาไม่หมด ทำให้เสียงมันไม่เพราะอย่างที่ควรจะเป็น ดังนั้น จึงต้องใช้ Amp ในการช่วยขับ ของผมมีอยู่แล้ว คือ iBasso D2+

นอกจาก Package ไม่น่าสนใจแล้ว ยังยุ่งยากในการใช้งาน เสียอีก น่าโยนทิ้งจริง ๆ

เสียงที่เป็นที่สุด

แต่ทว่า ไหน ๆ ก็ซื้อมาแล้ว ลองฟังมันซักหน่อย จะสมกับราคามันมั้ย เลยลองต่ออุปกรณครบ กับ iPhone 3G ธรรมดา สภาพ เลยเป็นอย่างที่เห็น

แล้วจะพกไปไหนได้ล่ะเนี่ย จากนั้นผมเลยลองเปิดเพลงฟัง เพลงที่ใช้เป็นเพลงแบบ Lossless และฟังเทียบกับเจ้า PK2 สรุปได้ว่า

เสียงเบส

เบสที่ออกมา เป็นลูก ๆ เลยครับ แต่ไม่แน่นจนอึดอัดไปหมด เหมือนหูฟังเน้นเบสทั่ว ๆ ไป เมื่อเทียบกับ PK2 ที่ไม่ค่อยมี Base แล้ว ทำได้ดีกว่ามากกก

เสียงกลาง

เสียงกลาง ผมรู้สึกว่าเบากว่า PK2 นิดหน่อย แต่นุ่มละมุนมากครับ ไม่แข็งเหมือน PK2 แต่ออกมาชัดเจน เหมือนคนมาร้องตรงหน้าให้ฟังเลยก็ไม่ปาน

เสียงสูง

ปกติ เสียงสูงของ PK2 ที่ผมเคยฟัง จะแตกปลาย และค่อนข้างแหบ ในช่วงปลายครับ แต่เจ้า PK1 นี้ทำได้ถึงที่สุดจริง ๆ ไม่มีแผ่วปลายเลย เหมือนมีอะไรทิ่มเข้าไปในรูหูเลยทีเดียวครับ

Sound Stage

โดยปกติผมเป็นคนชอบฟัง Sound Stange ที่กว้าง ๆ ได้ยินเครื่องดนตรีครบ ๆ อย่างเจ้า PK2 แต่พอมาเจอ PK1 แล้ว โอ้ว มันช่างสุดยอด ไม่มีเครื่องดนตรีชิ้นไหนที่่ผมไม่ได้ยิน หรือหลุดไปสักชิ้น ไอ้ที่ไม่เคยได้ยินหรือได้ยินไม่ชัดใน PK2 ก็ได้ยิน เช่น เสียง เชมเบล ของกลอง  นั่นคือเมื่อเทียบกับ PK2 เจ้า PK1 ทำได้ทุกอย่าง แต่พัฒนาทุก ๆ ด้านให้มากขึ้นนั่นเอง

สรุป

โดยสรุป เจ้า PK1 นี้ เป็นที่น่าพอใจสำหรับผมเลยครับ มันสนองความต้องการของผมทั้งหมดที่ขาดไป จาก PK2 และคงไม่ซื้อหูฟังอีกนานเลย เพราะ ภรรยา คงไม่อนุมัติอีกแล้ว ฮาาา ไม่ใช่และ เพราะมันถึงที่สุดของ Ear Bud สำหรับผมแล้วครับ และผมคงไม่เล่น in ear แน่นอน

ถ้าใครสนใจอยากซื้อแนะนำให้ไปลองฟังที่ร้านก่อนนะครับ เพราะท่านเห็นตัวจริงแล้ว ท่านอาจจะไม่ซื้อเลยก็ได้ มันอัปลักษณ์จริง ๆ นะ เฉลยราคาอยู่ที่ 4300 บาท เห็นไม่ผิดหรอกครับ มันราคาเท่านี้จริง ๆ คนปกติดี ๆ เค้าคงไม่ซื้อกัน

ป.ล. เรื่องเสียงเป็นความเห็นส่วนตัวของผมนะครับ ผมไม่ใช่หูทองอะไรครับ ขอบคุณที่อ่านจนจบครับ

Friday, August 3, 2012

[Spoil] ไม่ Bias ไม่อวย รัก 7 ปี ดี 7 หน


ออกตัวล้อฟรี ด้วยการเปิดหัว Blog ด้วยคำว่า ไม่ Bias ไม่อวย เพราะเป็นความเห็นส่วนตัวล้วน ๆ เลยครับ เนื่องจาก
  1. ผมไม่ใช่คอ ภาพยนตร์ จอหนัง
  2. ผมไม่ได้เป็นแฟน ของ @gthchannel ดูหนังเค้าเมื่อมีโอกาสไปดูเท่านั้น
  3. และที่สำคัญที่สุด ผมไม่ได้เป็นแฟน นิชคุณ
 นอกจากนั้น ที่มีโอกาสได้ไปดูเรื่องนี้ เพราะภรรยาผมอยากได้บัตรของ เซเว่น และลาย GTH แถม ตั๋วหนัง 1 แถม 1 ตามโปรโมชั่นด้านล่างเลยครับ



เอาล่ะ มาพูดถึงเรื่องตัวหนังกันดีกว่า สำหรับผมไม่ได้คาดหวังไว้มาก เพราะเรื่องนี้บัตรแจกฟรีเยอะ และแฟน ๆ @gthchannel อวยกันซะจนไม่อยากไปดู เลยเลือกดูบัตรฟรีวันพุธ

หนังเรื่องนี้ประกอบไปด้วย 3 เรื่องย่อย พูดถึงความรัก ในแต่ล่ะช่วง 7 ปีของอายุคน เริ่มต้นที่ 14, 21/28 และ 42.195

เรื่อง 14



เรื่องนี้นำแสดงโดยน้องเก้า จิรายุ และ น้องปันปัน สุทัตตา โดยนำเสนอ เกี่ยวกับเด็กหนุ่มวัยมัธยม ที่เพิ่งมีแฟน และ ติด Social Network




ความเห็นส่วนตัว

  • เนื้อเรื่องดี ให้แง่คิดสำหรับคนที่ติด Social Network มากเกินไป
  • เนื้อเรื่องดำเนินรวดเร็วไปนิด อาจจะเป็นเพราะเวลาน้อย
  • น้องป่วน (พระเอกของเรื่อง) ให้ความใส่ใจกับ น้องมิลค์ (นางเอก) มาก แต่ให้ความสำคัญ กับ Social Network พอ ๆ กัน
  • ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเพราะ ไม่เคารพสิทธิของกันและกัน การที่จะเอารูปแฟนไป post บน Social ควรจะได้รับการอนุญาตจากแฟนก่อน
  • ชอบเรื่องที่นำเสนอ ทันสมัย เข้าใจง่าย และดูแล้วยิ้มตามเป็นบางช่วง
สรุป

ผมอาจจะได้อะไรจากเรื่องนี้น้อยมาก เพราะเลยวัยนั้นมาแล้ว ฮาาาา แต่ก็ถือว่า ทำออกมาได้ดีทีเดียว บางจังหวะอาจจะไม่สมเหตุสมผลบ้าง เป็นเพราะเวลาที่น้อยเกินไป แต่ไม่ขาดไม่เกิน

เรื่อง 21/28

นำแสดงโดย ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์ และ คริส หอวัง ซึ่งนำเสนอ... อะไรไม่รู้ ไม่รู้จริง ๆ ดูแล้วจะหลับ เป็นรักที่ห่างหายไปเจ็ด เลิกกันไปตอน 21 พอ 28 นางเอกก็มาง้อพระเอก กลับไปเล่นหนังด้วย



ความเห็นส่วนตัว
  • เรื่องนี้ง่วงมาก อาจจะเป็นเพราะเรื่องไกลตัว เกี่ยวกับดารา อยากจะกลับมาดังอีกครั้ง ซึ่งผมไม่ค่อยเข้าใจ
  • เรื่องดำเนินไปไม่สะดุด เหมือนเรื่องแรก บริหารเวลาได้ดี แต่เบื่อ ๆ
  • แหม่ม (นางเอกของเรื่อง) พยายามง้อ จ้อน (พระเอก) กลับไปเล่นหนังด้วย หลังจากเป็นแฟนกันเมื่อเจ็ดปีก่อน ทะเลาะกันรุนแรง เลิกกัน
  • นางเอก อยากดังอีก เลย มาง้อพระเอก เพื่อมาเล่นหนังภาค 2 ผลประโยชน์ล้วน ๆ 
  • สุดท้ายคืนดีกัน (มั้ง) (ง่ายจัง)
สรุป

เรื่องนี้ดำเนินเรื่องได้ดี แต่เรื่องน่าเบื่อมาก พยายามหา ความสนุก ข้อคิด จากเนื้อเรื่อง (เน้นนะครับเนื้อเรื่อง) แทบจะไม่มี เอาเป็นว่าดูเพลิน ๆ

เรื่อง 42.195

เรื่องนี้นำแสดงโดย พระเอก สาวกรี๊ดดดดด สลบ นั่นคือ น้องนิชคุณ แต่นางเอก... คือคุณ สุขวัญ (- -") แต่ยอมรับว่าเล่นได้ดีทั้งคู่



เรื่องนี้ดำเนินเนื้อเรื่องแบบ เจอกัน แล้วค่อย ๆ เปิดเผยประวัติของแต่ละคน ซึ่งไม่มีสะดุด โดยรวมผมชอบเรื่องนี้ที่สุด

ความเห็นส่วนตัว
  • เนื้อเรื่องดี นำเสนอ เกี่ยวกับ หญิงวัยกลางคน ที่ต้องอยู่คนเดียวเพราะสามีเสียชีวิต บังเอิญไปเจอเด็กหนุ่มที่มีความมุ่งมั่น พากันวิ่งมาราธอน
  • พระเอกนางเอก ไม่มีชื่อ
  • ให้แง่คิดในการตั้งเป้าหมาย และความพยายามในการทำอะไรสักอย่างให้สำเร็จ
  • ให้แง่คิดในการดำเนินชีวิตต่อไป ไม่จมอยู่กับอดีต หรือ ความทุกข์
  • ดำเนินเรื่องได้เนียนสุด ไม่สะดุด แง่คิดเยอะ
  • นักแสดงแสดงได้ดี
  • ดราม่าไม่หนัก ดูไม่ง่วง
  • นิชคุณแม่งหล่อว่ะ
สรุป

โดยรวมผมชอบเรื่องนี้มากที่สุด อาจจะเป็นเพราะถึงวัยแล้วก็ได้ ฮ่า ๆ ทุกอย่างดีไปหมด ฉาก การแสดง และวิธีดำเนินเรื่อง ที่สำคัญ นิชคุณ หล๊อ หล่อ นะฮ้าาา ไม่ใช่และ

สรุป

เรื่องนี้ผมไม่ผิดหวังอะไร แต่ก็ไม่ได้สนุกอะไรมาก เพราะผมไม่ได้เป็นแฟน @gthchannel อย่างที่บอกตอนต้น บางเรื่องดี บางเรื่องหลับ มุขตลกไม่ค่อยมีเหมือนเรื่องที่ผ่าน ๆ มา เหมือนทำมาเพื่อ ฉลองเจ็ดปี อย่างแท้จริง เอานักแสดงเก่า ๆ มาโผล่ในฉากเพื่อให้ระลึกถึง คนที่เป็นแฟน GTH คงชอบมากอย่างแน่นอน ผมคิดเล่น ๆ ตอนดูเรื่องที่ 2 จบ ถ้าไม่มีนิชคุณมาดึง Rating สงสัย อาจจะเจ๊งก็เป็นได้สำหรับเรื่องนี้ :P

เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่ผม review หนังแบบ บ้าน ๆ ไม่ใช้คอหนังอะไร ถ้าความคิดเห็นส่วนไหนไม่ถูกใจหรือผิดพลาดประการใด ก็ขออภัยนะครับ

ขอบคุณครับ ที่อ่านจนจบ

Friday, July 20, 2012

[Mini Review] Sushi Masa :: ร้าน ซูชิอร่อย ราคาประทับใจ


เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ผมกับภรรยาสุดที่รักได้นั่งรถไฟฟ้าไปลงที่สถานีราชเทวี เพื่อที่จะแวะไปพันธุ์ทิพย์พลาซ่า พอขากลับพวกเราเกิดหิวขึ้นมา เลยคิดขึ้นมาว่าจะทานอะไรกันดี จึงนึกขึ้นได้ว่า เราเคยประทับใจกับซูชิเจ้านึง ซึ่งก็คือ ร้าน Sushi Masa เป็นร้านซูชิที่พวกผมทานแล้วอร่อยที่สุดในตอนนี้เลยทีเดียว


ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น

 ร้านซูชิแห่งนี้มีทั้งหมด 2 สาขา คือ สาขา ราชเทวี และ สาขาทองหล่อ ที่ ๆ ผมไปคือ สาขาราชเทวี ซึ่งตั้งอยู่ในซอยพญานาค ตรงข้ามโรงแรม เอเซีย (ภาพจาก Google Street View เมพมากครัีบ) 


หน้าร้าน


พอไปถึงร้าน คนค่อนข้างเยอะนะครับ ทั้ง ๆ ที่เป็นวันจันทร์ และก็ดึกแล้ว ต้องไปจองคิวกับพนักงาน แล้วเราสามารถไปนั่งรอที่ห้องพักรับรองของโรงแรม Siam Swana ได้ 

พอถึงคิว เค้าก็จะโทรมาตาม ผมได้นั่นหน้า ซุชิบาร์ เลยทีเดียว มีปลาดิบเป็นปั้น ๆ จนแทบอยากจะเอื้อมมือไปหยิบเคิ้ยวเล่นเลยทีเดียว แต่ก็อดใจไว้ คว้าเมนูมาดูแทน

เมนู ครับ แบบเป็น set อยู่ด้านหลัง


โดยรวมราคาจะคิดเป็นต่อ 1 คำ ครับ ค่อนข้างราคาสูง แต่ของเค้าดีจริง เค้ามี ถั่ววาซาบิ ไว้ให้เคี้ยวเล่นด้วยครับ รสชาติใช้ได้ทีเดียว

ถั่ววาซาบิ

รอไปสักพัก อาหารก็มาเสริฟ ผมกับแฟน สั่งเป็น Sushi Set แทนที่จะสั่งเป็นคำ เพราะราคาคุ้มกว่า 

Sushi Set B


อาหารที่มา จะมาเสริฟ พร้อมซุป ซึ่งเป็นซุปใสที่อร่อยมาก อร่อยสุดเท่าที่เคยทานเลยทีเดียว

น้ำซุปใส

หลังจากทานซูชิไปสักพัก ผมเห็นโต๊ะข้าง ๆ สั่งสลัดแซลมอน ก็เลยอยากทานและสั่งมาเพิ่มบ้าง สรุปก็เป็นอย่างในรูป
แซลมอนสลัด



 ยัง!!! มันยังไม่จบ ผมเกิดอยากกิน Salmon Roll เพราะโต๊ะข้าง ๆ อีกแล้ว เลยจัดมาอีก หนึ่ง Set

Salmon Roll

สรุป

 ออกจากร้านพุงแทบระเบิด โดยค่าเสียหายทั้งหมดมีดังนี้

Sushi Set B 2 Set = 720 บาท
Salmon Salad = 250 บาท
Salmon Roll  = 250 
น้ำชา refill 2 แก้ว = 40 บาท

ที่สำคัญราคานี้ไม่มี Vat และ Service Charge ซึ่งผมชอบมาก จริงใจดี เลยทำให้ราคานี้ไม่แพงเลย  และทำให้ผมยกร้านนี้เป็นร้านซูชิในดวงใจเลยทีเดียว แนะนำให้ไปทานกันนะครับ

ขอบคุณที่อ่านจนจบครับ :D


 

Tuesday, May 15, 2012

[Note] เมื่อภรรยาผม อายุ 30

 

เนื่องจากวันนี้ เป็นวันเกิดของภรรยาสุดที่รัก วันเกิดของภรรยาผมตรงกับวันสำคัญที่เดือนนึงจะมีสองครั้งนั่นคือวัน หวยออก ผมเลยไม่ลืมวันเกิดของเธอ (อะล้อเล่นน้า) ผมเลยอยากจะเขียน blog เป็นของขวัญวันเกิดให้กับคนน่ารักของผมคนนี้สักหน่อย


รูปเมื่อสามปีก่อน
เมื่อสามปีที่แล้ว ผมได้เจอกับผู้หญิงตัวเล็ก ๆ น่ารักคนนึง ที่ดูมีมุมมองในชีวิตที่มีความสุขมาก ๆ เธอดูเป็นเด็กผู้หญิงที่โลกมีแต่สีชมพู และทัศนคติที่ดีมาก ซึ่งต่างจากผม ที่ค่อนข้างมองโลกในแง่ร้าย ไม่ค่อยมีความสุขกับชีวิตนัก

ไปเที่ยวด้วยกันครั้งแรก
แต่เมื่อผมได้รู้จักกับเธอ มุมมองผมก็ได้เปลี่ยนไป มีความรับผิดชอบมากขึ้น รักคนอื่นมากขึ้น รู้จักให้มากขึ้น และทำให้ผมมีทุก ๆ อย่างอย่างวันนี้เลยทีเดียว

รูปปัจจุบัน
มาถึงวันนี้เราสองคนก็อายุ 30 แล้ว (พูดเหมือนแก๊ แก่) แต่ผมรู้สึกว่า เชอร์รี่ ภรรยาผมไม่ได้เปลี่ยนไปเลยสักนิดเดียว (อาจจะมีริ้วรอยของการเวลาบนใบหน้าบ้าง :P) แต่ เธอยังคงน่ารัก สดใส ดูแลผมอย่างดี และใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ได้อย่างไม่น่าเชื่อ ซึ่งมันทำให้ผมรักเธอมากขึ้นทุก ๆ วัน และทำให้ผมนึกถึงเพลง "เหมือนเคย" ขึ้นมาในวันนี้




เหมือนเคยทุก ๆ วัน

ของขวัญวันเกิดปีนี้

The new iPad

ของขวัญวันเกิดปีนี้ ดูจะมีราคาสูงไปซะหน่อย แต่ด้วยความที่เค้าอยากหาอะไรมาแทน Notebook ตัวเก่า ผมเลยคิดว่าน่าจะมีประโยชน์กว่าซื้อ Notebook หรือของขวัญอย่างอื่น และสามารถพกพาไปใช้นอกบ้านได้ไม่ยาก

แต่ผมคิดว่าราคาของของขวัญ ไม่ได้มีความสำคัญ เท่ากับคุณค่าทางจิตใจที่ คนที่ให้ตั้งใจให้ และคนที่รับดีใจที่ได้รับ

สรุป 


ในวันเกิดปีนี้ผมก็ไม่ได้ทำอะไรเป็นพิเศษ มากกว่าทุก ๆ ปี ที่ให้ของขวัญวันเกิด พาไปเดินเที่ยว หรือพาไปทานข้าว แต่ผมคิดว่ามันมีความพิเศษ ตรงที่ว่า ผมมีคนที่ผมจะให้ของขวัญ สามารถทำมันได้ทุกปี และทำให้ผมมีวันสำคัญมากกว่าคนอื่น เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งวัน คือ วันเกิดของภรรยาผม

 
 Happy Birth Day มีความสุขมาก ๆ นะครับ รักมาก ๆ ครับ